วันนี้ (5 ธันวาคม 2566) เวลา 17.40 น. ที่ โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ร่วมให้การต้อนรับบรรดานักวิ่ง และเป็นประธานกล่าวปิดกิจกรรม “วิ่งน้อมรำลึก 5 ธันวา 89 พรรษา 89 กม. ด่านนอก-สมิหลา” ซึ่งชมรมวิ่งในจังหวัดสงขลาได้ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกาย ปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันน้อยใหญ่ร่วม 4,000 โครงการ เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและพสกนิกรชาวไทย ตลอดรัชสมัย 70 ปี ที่ทรงครองราชย์ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายให้ประชาชน สอดรับกับนโยบาย Sport City ของจังหวัดสงขลา
กิจกรรม “วิ่งน้อมรำลึก 5 ธันวา 89 พรรษา 89 กม. ด่านนอก-สมิหลา” ครั้งนี้มีนักวิ่งในพื้นที่จังหวัดสงขลาและใกล้เคียงลงทะเบียนเข้าร่วม จำนวน 890 คน ปล่อยตัวนักวิ่ง ณ ด่านพรมแดนสะเดา (จุดสตาร์ท) ตั้งแต่เวลา 04.50 น. จากนั้นวิ่งเข้าสู่ที่ว่าการอำเภอสะเดา ผ่านศูนย์แพทย์ชุมชนตำบลพะตง, ศูนย์อนามัยเทศบาลเมืองบ้านพรุ, แวะพัก ณ ลานพระบิดา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ก่อนเคลื่อนขบวนเข้าสู่อำเภอเมืองสงขลา โดยสิ้นสุดขบวนวิ่ง กม.ที่ 89 ณ รร.มหาวชิราวุธ จ.สงขลา
เมื่อขบวนนักวิ่งมาถึง นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ทักทายพูดคุยให้กำลังใจก่อนที่ทุกคนจะร่วมกันยืนตรงเคารพธงชาติ เชิญธงลงจากยอดเสา ในเวลา 18.00 น. เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัติย์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ตนสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของคณะผู้จัด และนักวิ่งที่เข้าร่วมกิจกรรม น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณฯ ในครั้งนี้ จึงได้อัญเชิญพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งมีพระราชดำรัสในพิธีเปิดการแข่งขันกรีฑา นักเรียนประจำปี เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2504 มากล่าวปิดกิจกรรม ความว่า "การกีฬานั้นนับเป็นอุปกรณ์การศึกษาที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นการกล่อมเกลาให้เด็กมีจิตใจ อดทน กล้าหาญ รู้แพ้รู้ชนะ ปลูกฝังพลานามัยให้แข็งแรง เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เด็กเป็นผู้มีสมรรถภาพทั้งในทางจิตใจและร่างกาย เป็นผลสืบเนื่องไปถึงการเป็นพลเมืองของชาติ อันเป็นยอดแห่งความปรารถนา..." พระราชดำรัสนี้แสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานในเรื่องการส่งเสริมการกีฬาว่าเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคคลและประเทศชาติ จึงทรงส่งเสริมกีฬาทุกประเภท พร้อมทั้งทรงกีฬามากมายหลายประเภท ทรงเคารพกฎกติกาของการกีฬาที่ทรงเล่น และมักจะทรงเน้นย้ำให้นักกีฬาทั้งหลายมีวินัยตลอดเวลา ทรงให้ความสำคัญต่อการฝึกซ้อมเป็นอันมาก ด้วยทรงเห็นว่าการจะเป็นนักกีฬาที่ดีนั้นต้องให้ความสนใจในการฝึกซ้อม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และปรับปรุงตนเองให้มีประสบการณ์เพิ่มขึ้น ถ้านักกีฬาคนใดไม่ฝึกซ้อมก็จะเป็นนักกีฬาที่ดีไม่ได้ นอกจากนั้นยังทรงรับการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 5, 6 และ 8 รวมทั้งกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4, 8 และ 13 ซึ่งเป็นกีฬาระดับนานาชาติไว้ใน พระบรมราชูปถัมภ์ ตลอดจนทรงเป็นองค์ราชูปถัมภ์ของสมาคมกีฬาสมัครเล่นของไทยอีก 11 สมาคม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติด้านการกีฬาที่พระองค์ได้สร้างไว้ให้





5 ธันวาคม 2566
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา